10 ภาพถ่ายผีชื่อดังระดับโลก
10 ภาพถ่ายผีชื่อดังระดับโลก
1. เลดี้บราวน์
ภาพผีที่โด่งดังที่สุดนับแต่เริ่มมีการถ่ายภาพก็คือภาพนี้ที่เรียกกันว่า ‘เลดี้บราวน์’ แห่ง เรย์นแฮมฮอลล์ ถูกบันทึกไว้ในปี 1936 ที่อะพาร์ตเมนต์ของเลดี้เทาเซนด์ ซึ่งตายไปเมื่อปี 1726 และที่เห็นเป็นเงารางๆ ตรงกระไดก็เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของเธอ
2. เด็กหญิงในกองไฟ
19 พฤศจิกายน 1905 เกิดไฟไหม้ที่เวมทาวน์ฮอลล์ ในชรอพเชียร์ ประเทศอังกฤษ พระเพลิงเผาวอดทั้งตึกจนเหลือแต่ซาก แต่เมื่อ โทนี โอ ราฮิลลีบันทึกภาพถ่ายซากตึกจากถนนฟากตรงข้ามกลับพบเงาร่างคล้ายเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู ไม่มีใครแถวนั้นรู้ว่าเธอเป็นใคร แล้วก็ไม่ใช่พนักงานดับเพลิงแน่ๆ
3. ผีแห่งเรือวอเตอร์ทาวน์
เมื่อปี 1927 เจมส์ คอร์ทนีย์ กับ ไมเคิ่ล มีแฮน โดนแก๊สจนตายขณะกำลังทำความสะอาดโกดังบนเรือวอเตอร์ทาวน์ อุบัติเหตุเกิดขึ้นขณะเรือกำลังล่องจากช่องแคบปานามากับนิวยอร์ก ซิตี้ ทั้งคู่ถูกเผากลางทะเล แล้วเรือก็แล่นต่อไป แต่ไม่กี่วันลูกเรือก็รายงานว่าพบหน้าของทั้งคอร์ทนีย์ และ มีแฮน บนท้องน้ำทะเล กัปตันเลยทำการถ่ายภาพเก็บไว้ และนี่คือหนึ่งในหน้าผีที่บันทึกมาได้ในวันนั้น?!
4. ผีศาลแฮมป์ตัน
ภาพนี้ถูกจับได้โดยกล้องวงจรปิดเมื่อปี 2003 ที่ศาลแฮมป์ตันคอร์ท พาเลซ ในลอนดอน เรื่องสยองเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณไฟไหม้ดังขึ้นเพราะประตูถูกเปิดโดยใครก็ไม่ทราบ รปภ.จึงรีบรุดไปตรวจแล้วก็พบว่าประตูปิดเองได้เฉย โดยไม่มีใคร นอกจากภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นใครก็ไม่รู้ใส่เสื้อคลุมยาว และเชื่อว่าน่าจะเป็นผี!
5. ผีเฟรดดี้ แจ็คสัน
ในปี 1919 มีการบันทึกภาพหมู่ของเหล่าทหารเรือในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่โรงฝึกเดดาลัส ทุกอย่างในภาพดูปกติยกเว้นแต่ใบหน้าของ เฟรดดี้ แจ็คสันเพราะเขาเป็นนายช่างที่เพิ่งตายไปด้วยอุบัติเหตุก่อนหน้านั้นเพียงแค่ 2 วัน
6. ผีสุสานบูท ฮิลล์
เทอร์รี ไอค์ แคลนตันถ่ายภาพขาวดำเพื่อนของเขา บูทฮิลล์ เกรฟยาร์ด ที่ทูมบ์สโตน อริโซนา ในชุดแต่งกายแบบคาวบอยเหมือนบรรพบุรุษของเขาที่
สมาชิกแก๊งแคลนตัน ซึ่งเคยดวลปืนกันตายที่ โอเค คอร์รัล ในอดีต แต่เมื่อล้างรูปออกมาก็พบภาพใครบางคนในฉากหลังซึ่งไม่มีใครเห็นตอนถ่ายโผล่ขึ้นมาในลักษณะเหมือนกำลังลุกขึ้นมาจากหลุม!
7. ผู้หญิงบนม้านั่ง
ภาพนี้บันทึกมาได้จากสุสานเบชเลอร์สโกลฟ ในเบรเมน อิลลินอยส์ เมื่อปี 1991 ระหว่างการค้นคว้าของสมาคมวิจัยผี เพราะสุสานนี้รู้จักกันดีว่ารกร้างและมีผีสิง หรืออาจจะเป็นสถานที่ซึ่งมีผีสิงมากที่สุดในชิคาโกเลยก็ว่าได้ ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่บนหินหลุมศพรายนี้ ตอนถ่ายไม่มีใครเห็นแต่อย่างใด
8. ผีมะนิลา
ภาพนี้ถ่ายที่ถนนในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลลิปปินส์เห็นสิ่งแปลกปลอมได้ชัดเป็นตัวๆ จนไม่น่าเชื่อจะเป็นของจริง แต่ 2 สาวเจ้าของภาพนี้รวมถึงคนถ่ายซึ่งบันทึกด้วยกล้องดิจิตอลต่างยืนยันว่าไม่มีมีใครคนใดมายืนเกาะแขนถ่ายรูปในตอนนั้นด้วยเลยเจงๆ!
9. ผีคุณตา
ภาพนี้เป็นภาพของคุณยายรายหนึ่งที่ย้ายจากบ้านมาอยู่สถานพักคนชรา แต่เหมือนคุณยายจะไม่ได้ย้ายมาลำพัง เพราะยืนยันว่าชายคนที่เห็นโผล่อยู่ตรงด้านหลัง เป็นคุณปู่หน้าตาเหมือนสามีของเธอที่ตายจากกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว 13 ปี!
10. ผีชมพูแห่งกรีนแคสเซิล
ภาพนี้บันทึกมาได้จากโอแฮร์ แมนชั่น ในกรีนแคสเซิล อินเดียนา หลังจากทราบว่ามีผีสิง กาย วินเตอร์ส กับ เทอร์รี แลมเบิร์ต เพื่อนของเขาเลยเข้าไปลองดีและจากการใช้กล้องหลายตัวจับภาพบริเวณหน้าต่างชั้นบน รูปร่างออกสีชมพูนี้คือสิ่งที่บันทึกมาได้ก่อนที่แมนชั่นนี้จะถูกทุบทิ้งในเวลาต่อมา
13 ตำนานผีเฮี้ยนของไทย
13 ตำนานผีเฮี้ยนของไทย
1. ผีฟ้าและเทพารักษ์
จะชอบอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรในน้ำหรือบนต้นไม้ บางทีจะเรียกว่าเทวดาหรือเจ้าที่ เช่น เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา ผีชนิดนี้จะถือว่าเป็นผีตามธรรมชาติ
2. ผีนางตะเคียน
ว่ากันว่าเป็นผีผู้หญิงสาวและสวย มีอิทธิฤทธิ์มากมาย จะสิงสถิตย์ประจำต้นตะเคียน โดยเฉพาะต้นที่มีอายุเก่าแก่หลายปี คนไทยสมัยก่อนมักจะไม่นิยมนำไม้ตะเคียนมาปลูกบ้าน เพราะเชื่อว่ามีผีนางตะเคียนสิงอยู่ในนั้น
3. ผีปอบ
เป็นผีที่ไม่มีตัวตน ชอบสิงอยู่ในร่างคน กินตับไตไส้พุงของเจ้าของร่างจนหมด จึงออกไปจากร่างของคนที่ถูกผีปอบเข้าสิง และเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากๆ จะทำเป็นเจ็บไข้ได่ป่วย ไม่มีเรี่ยวมีแรง แต่พอเวลากลางคืน ก็จะแอบมากินเป็ดไก่สดๆ แบบดิบๆ จนเป็นที่สยดสยองของชาวบ้าน
4. ผีนางตานี
เป็นผีผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม และมีอภินิหารคล้ายกับผีนางตะเคียน แต่จะสิงสถิตย์อยู่ที่ต้นกล้วยตานี เล่ากันว่ามักจะปรากฏร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง คนโบราณจึงไม่นิยมปลูกกล้วยตานีไว้ในบ้าน เพราะกลัวผีนางตานี
5. ผีกองกอย
เชื่อว่าเป็นผีจำพวก ผีโป่ง ผีค่าง หรือผีป่า ชอบสูบเลือดที่เท้าคนกิน บางทีก็จะเรียกว่าผีดิบ รูปร่างเป็นอย่างไรไม่ปรากฏแน่ชัด บางคนก็ว่าชอบกระโดดขาเดียวไปไหนมาไหน และจะพบอยู่ในป่าลึก
6. ผีทะเลหรือผีพราย
เป็นผีที่สิงสถิตย์อยู่ในทะเล ทำให้เกิดคลื่นลม ชาวเรือมักจะสังเกตที่เสากระโดงเรือ ถ้าหากมีแสงเรืองขึ้นมา แสดงว่าจะถูกผีเรือเล่นงาน ต้องรีบหาทางเอาตัวรอด เพราะเรือนั้นใกล้จะจมลงแน่ๆ
7. ผีตายโหง
เป็นผีที่มีความดุร้ายมาก เพราะตายแบบผิดธรรมชาติ เช่นถูกฆ่าตาย ถูกรถทับตาย ตกน้ำตาย วิญญาณจะไม่สงบเท่าที่ควร ไม่ไปผุดไปเกิดง่ายๆ ต้องรอให้มีคนมาตายแทนในสถานที่ที่ตัวเองตายตรงนั้น จึงจะไปเกิด บริเวณที่มีคนตายโหงจึงจะมีคนตายโหงอยู่เรื่อยๆ คนส่วนมากมักจะโดนผีประเภทนี้หลอกหลอนมากที่สุด เรียกว่าถ้าคุณไปไหนในเวลาค่ำคืน จงระวังผีตนนี้ไว้ให้ดี
8. ผีตายทั้งกลม
เป็นผีผู้หญิงที่ตั้งท้องแล้วตายไปพร้อมกับลูกในท้อง จัดเป็นผีตายโหงด้วย เพราะตายแบบผิดธรรมชาติ จึงมีความดุร้ายมาก เช่นผีแม่นาคพระโขนง เรียกว่าผีแบบนี้ใครได้เจอจะต้องขนลุกอย่างแน่นอน
9. ผีถ้วยแก้ว
เป็นการเล่นกับผี โดยวิธีเล่นจะจุดธูปเชื้อเชิญวิญญาณผีเร่ร่อน หรืออาจจะเป็นผีที่ตายโหง โดยการเล่นนั้นจะอัญเชิญผีถ้วยแก้วเข้ามาอยู่ในแก้ว โดยจะมีการทำตารางตัวอักษร สระ พยํญชนะ และตัวเลข แล้วใช้ถ้วยตะไลคว่ำลงบนกระดาษ ให้คนเล่น 4 คนใช้นิ้วแตะก้นแก้ว ตั้งคำถามให้ผีตอบ เมื่อมีวิญญาณมาสิงที่แก้วแล้ว ถ้วยแก้วนั้นก็จะเดินไปผสมตัวอักษรให้เป็นคำ เพื่อตอบคำถามของผู้เล่น
10. ผีอำ
เป็นการอำที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของผีเวลาที่นอนหลับอยู่ ทำให้รู้สึกว่ามีใครมาบังคับให้ขยับตัวไม่ได้ มีคนมานั่งทับ ดึงแขนขา บ้างก็ทำให้อึดอัดหายใจไม่ออก ต้องพยายามต่อสู้ดิ้นรนจนเหนื่อย
11. ผีเปรต
เป็นคนที่ตายไปแล้ว เมื่อตายกลายเป็นผีที่มีรูปร่างสูงโย่งเย่ง ผอมโซ คอยาว กินเลือดและกินหนอง เชื่อกันว่าสมัยที่เป็นคนนั้นทำบาปไว้อย่างมหันต์ เนรคุณ ด่าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือทำร้ายผู้ทรงศีล บ้างก็เล่าว่าเปรตบางตัวมีกงจักรพัดอยู่บนหัว ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ต้องยืนตัวสั่นขาแข็ง ปรากฏกายบนโลกมนุษย์บ้าง หรือไม่ก็ต้องอยู่ในขุมนรกจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
12. ผีกระสือ
เป็นผีผู้หญิง ส่วนมากมักเป็นหญิงแก่ชรา เวลากลางวันจะเป็นคนธรรมดา แต่จะหลบผู้คน ไม่สุงสิงกับใคร และจะออกหากินในเวลากลางคืน โดยถอดเอาหัวกับตับไตไส้พุงลอยไปในเวลาค่ำคืน อาจจะเห็นเป็นดวงไฟสีเขียวเรืองๆ หรือสีส้มเรืองๆ ดวงใหญ่ส่องแสงวูบวาบ ชอบกินของสดคาว ของเน่าเหม็น ผีกระสือเวลาจะตายมักจะต้องมีทายาทสืบต่อโดยการคายน้ำลายถ่ายเข้าไปในปากลูกหลานหรือผู้สืบทอดคนใดคนหนึ่ง ถึงจะตายได้อย่างสงบ
13. ผีกระหัง
เป็นผีชนิดเดียวกับผีกระสือ ต่างกันตรงที่เป็นผีผู้ชาย ชอบกินของสกปรก เน่าเหม็นเหมือนผีกระสือ เวลาจะไปไหนจะมีกระด้งสองใบทำเป็นปีก และมีสากตำข้าวเป็นหาง
ขอขอบคุณที่มา Youtube Channel danknala
สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน
การ์ตูนผู้หญิงแบบ PDF
มีเป็นพันเล่มคลิกเข้าไปเลือกดูได้เลยที่นี่
1. ผีฟ้าและเทพารักษ์
จะชอบอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรในน้ำหรือบนต้นไม้ บางทีจะเรียกว่าเทวดาหรือเจ้าที่ เช่น เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา ผีชนิดนี้จะถือว่าเป็นผีตามธรรมชาติ
2. ผีนางตะเคียน
ว่ากันว่าเป็นผีผู้หญิงสาวและสวย มีอิทธิฤทธิ์มากมาย จะสิงสถิตย์ประจำต้นตะเคียน โดยเฉพาะต้นที่มีอายุเก่าแก่หลายปี คนไทยสมัยก่อนมักจะไม่นิยมนำไม้ตะเคียนมาปลูกบ้าน เพราะเชื่อว่ามีผีนางตะเคียนสิงอยู่ในนั้น
3. ผีปอบ
เป็นผีที่ไม่มีตัวตน ชอบสิงอยู่ในร่างคน กินตับไตไส้พุงของเจ้าของร่างจนหมด จึงออกไปจากร่างของคนที่ถูกผีปอบเข้าสิง และเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากๆ จะทำเป็นเจ็บไข้ได่ป่วย ไม่มีเรี่ยวมีแรง แต่พอเวลากลางคืน ก็จะแอบมากินเป็ดไก่สดๆ แบบดิบๆ จนเป็นที่สยดสยองของชาวบ้าน
4. ผีนางตานี
เป็นผีผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม และมีอภินิหารคล้ายกับผีนางตะเคียน แต่จะสิงสถิตย์อยู่ที่ต้นกล้วยตานี เล่ากันว่ามักจะปรากฏร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง คนโบราณจึงไม่นิยมปลูกกล้วยตานีไว้ในบ้าน เพราะกลัวผีนางตานี
5. ผีกองกอย
เชื่อว่าเป็นผีจำพวก ผีโป่ง ผีค่าง หรือผีป่า ชอบสูบเลือดที่เท้าคนกิน บางทีก็จะเรียกว่าผีดิบ รูปร่างเป็นอย่างไรไม่ปรากฏแน่ชัด บางคนก็ว่าชอบกระโดดขาเดียวไปไหนมาไหน และจะพบอยู่ในป่าลึก
6. ผีทะเลหรือผีพราย
เป็นผีที่สิงสถิตย์อยู่ในทะเล ทำให้เกิดคลื่นลม ชาวเรือมักจะสังเกตที่เสากระโดงเรือ ถ้าหากมีแสงเรืองขึ้นมา แสดงว่าจะถูกผีเรือเล่นงาน ต้องรีบหาทางเอาตัวรอด เพราะเรือนั้นใกล้จะจมลงแน่ๆ
7. ผีตายโหง
เป็นผีที่มีความดุร้ายมาก เพราะตายแบบผิดธรรมชาติ เช่นถูกฆ่าตาย ถูกรถทับตาย ตกน้ำตาย วิญญาณจะไม่สงบเท่าที่ควร ไม่ไปผุดไปเกิดง่ายๆ ต้องรอให้มีคนมาตายแทนในสถานที่ที่ตัวเองตายตรงนั้น จึงจะไปเกิด บริเวณที่มีคนตายโหงจึงจะมีคนตายโหงอยู่เรื่อยๆ คนส่วนมากมักจะโดนผีประเภทนี้หลอกหลอนมากที่สุด เรียกว่าถ้าคุณไปไหนในเวลาค่ำคืน จงระวังผีตนนี้ไว้ให้ดี
8. ผีตายทั้งกลม
เป็นผีผู้หญิงที่ตั้งท้องแล้วตายไปพร้อมกับลูกในท้อง จัดเป็นผีตายโหงด้วย เพราะตายแบบผิดธรรมชาติ จึงมีความดุร้ายมาก เช่นผีแม่นาคพระโขนง เรียกว่าผีแบบนี้ใครได้เจอจะต้องขนลุกอย่างแน่นอน
9. ผีถ้วยแก้ว
เป็นการเล่นกับผี โดยวิธีเล่นจะจุดธูปเชื้อเชิญวิญญาณผีเร่ร่อน หรืออาจจะเป็นผีที่ตายโหง โดยการเล่นนั้นจะอัญเชิญผีถ้วยแก้วเข้ามาอยู่ในแก้ว โดยจะมีการทำตารางตัวอักษร สระ พยํญชนะ และตัวเลข แล้วใช้ถ้วยตะไลคว่ำลงบนกระดาษ ให้คนเล่น 4 คนใช้นิ้วแตะก้นแก้ว ตั้งคำถามให้ผีตอบ เมื่อมีวิญญาณมาสิงที่แก้วแล้ว ถ้วยแก้วนั้นก็จะเดินไปผสมตัวอักษรให้เป็นคำ เพื่อตอบคำถามของผู้เล่น
10. ผีอำ
เป็นการอำที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของผีเวลาที่นอนหลับอยู่ ทำให้รู้สึกว่ามีใครมาบังคับให้ขยับตัวไม่ได้ มีคนมานั่งทับ ดึงแขนขา บ้างก็ทำให้อึดอัดหายใจไม่ออก ต้องพยายามต่อสู้ดิ้นรนจนเหนื่อย
11. ผีเปรต
เป็นคนที่ตายไปแล้ว เมื่อตายกลายเป็นผีที่มีรูปร่างสูงโย่งเย่ง ผอมโซ คอยาว กินเลือดและกินหนอง เชื่อกันว่าสมัยที่เป็นคนนั้นทำบาปไว้อย่างมหันต์ เนรคุณ ด่าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือทำร้ายผู้ทรงศีล บ้างก็เล่าว่าเปรตบางตัวมีกงจักรพัดอยู่บนหัว ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ต้องยืนตัวสั่นขาแข็ง ปรากฏกายบนโลกมนุษย์บ้าง หรือไม่ก็ต้องอยู่ในขุมนรกจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
12. ผีกระสือ
เป็นผีผู้หญิง ส่วนมากมักเป็นหญิงแก่ชรา เวลากลางวันจะเป็นคนธรรมดา แต่จะหลบผู้คน ไม่สุงสิงกับใคร และจะออกหากินในเวลากลางคืน โดยถอดเอาหัวกับตับไตไส้พุงลอยไปในเวลาค่ำคืน อาจจะเห็นเป็นดวงไฟสีเขียวเรืองๆ หรือสีส้มเรืองๆ ดวงใหญ่ส่องแสงวูบวาบ ชอบกินของสดคาว ของเน่าเหม็น ผีกระสือเวลาจะตายมักจะต้องมีทายาทสืบต่อโดยการคายน้ำลายถ่ายเข้าไปในปากลูกหลานหรือผู้สืบทอดคนใดคนหนึ่ง ถึงจะตายได้อย่างสงบ
13. ผีกระหัง
เป็นผีชนิดเดียวกับผีกระสือ ต่างกันตรงที่เป็นผีผู้ชาย ชอบกินของสกปรก เน่าเหม็นเหมือนผีกระสือ เวลาจะไปไหนจะมีกระด้งสองใบทำเป็นปีก และมีสากตำข้าวเป็นหาง
ขอขอบคุณที่มา Youtube Channel danknala
สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน
การ์ตูนผู้หญิงแบบ PDF
มีเป็นพันเล่มคลิกเข้าไปเลือกดูได้เลยที่นี่
10 ตำนานผีอาเซียนประเทศเพื่อนบ้านสุดสยอง
10 ตำนานผีอาเซียนประเทศเพื่อนบ้านสุดสยอง
1. เจ็งล็อต (Jenglot) จากประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศบ้านเกิดของเจ็งล็อตก็คืออินโดนีเซีย มันเป็นลูกครึ่งระหว่างมัมมี่กับแวมไพร์ มีขนาดเล็กกะจิ๋วหลิวประมาณ 6 นิ้วเท่านั้นเอง เกิดขึ้นมาจากฤาษีที่บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นมุ่งสู่ความเป็นอมตะ อุทิศตนนับถือปีศาจจนได้พลังอำนาจมาและกลายเป็นเจ็งล็อต คนที่เลี้ยงเจ็งล็อตจะต้องให้เลือดกับมันด้วย จะเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์ก็ได้ การให้เลือดนั้นก็ทำโดยการฉีดเลือดเข้าไปในตัวมันทุกเดือนๆ ละ 1 ซีซี แต่บางคนก็เพียงแค่เทเลือดใส่ถ้วย วางเอาไว้ข้างๆ เจ็งล็อต แล้วมันจะแอบกินเองตามลำพังตอนที่ไม่มีใครเห็น เจ็งล็อตเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอินโดนีเซีย ขนาดว่ามีการจัดงานโชว์เจ็งล็อตกันที่กรุงจาร์การ์ต้า เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย เชื่อกันว่าเจ็งล็อตบางตัวมีอายุถึง 6,000 ปีกันเลยทีเดียว
2. กุนตีลานัก (Kuntilanuk) จากประเทศอินโดนีเซีย
ผีกุนตีลานัก จะคล้ายกับผีแม่นาครวมกับผีนางตานีของบ้านเรานั่นเอง เกิดจากสาวสวยที่ตายระหว่างตั้งครรภ์หรืออุ้มท้องหรือที่เรียกว่าตายทั้งกลมนั่นเอง กุนตีลานักจะอาศัยอยู่ในต้นกล้วยเหมือนกับผีนางตานี เธอจะอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาว ผมยาวปิดหน้าปิดตา ผิวสีขาวซีด และอุ้มท้องอยู่ เมื่อไหร่ที่มีเสียงร้องไห้เบาๆ หรือเสียงสุนัขครางหงิงๆ แสดงว่าผีกุนตีลานักเริ่มเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว แต่ถ้าได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้เสียงดังหรือสุนัขหอนแสดงว่าผีกุนตีลานักเริ่มเข้ามาในอาณาเขตละแวกบ้านของเราแล้ว และสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวก็คือ ผีกุนตีลานักนั้นชื่นชอบการควักลำไส้เป็นที่สุด ด้วยความที่เธอมีเล็บยาวที่แหลมคม ถ้าใครโชคร้ายบังเอิญไปสบจากับผีรายนี้ก็จะโดนควักลูกตาออกไปกิน แถมยังโดนดูดสมองออกไปด้วย ยิ่งถ้าเหยื่อเป็นผู้ชายจะแถมด้วยการทำร้ายอวัยวะเพศอย่างโหดร้ายเข้าไปอีก บางความเชื่อเล่าว่า กุนตีลานักจะเลือกเหยื่อของเธอจากกลิ่นเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ ชาวอินโดนีเซียจึงมักจะไม่ยอมตากเสื้อเอาไว้นอกบ้านในเวลากลางค่ำกลางคืนโดยเด็ดขาด โดยปกติผีตัวนี้มักจะชอบยืนรอเหยื่อเข้ามาติดกับเองมากกว่า ถ้าเราได้ยินเสียงเด็กร้องไห้แถวๆ ต้นกล้วยก็ยังพอมีโอกาสหนีไปให้ไกลจากบริเวณนั้น
3. โปลอส จากประเทศมาเลเซีย
โปลอสจะคล้ายๆ กับรักยมของประเทศไทย เกิดจากเลือดของคนที่ถูกฆ่าตาย โดยการเอาเลือดของคนดังกล่าวไปเก็บไว้ในขวดแล้วทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ วิญญาณผู้ตายจะถูกเรียกออกมาและถูกสะกดไว้ในขวดนั้น หลังจากนั้นสองสัปดาห์จะเริ่มได้ยินเสียงออกมาจากขวด เริ่มต้นจากเสียงร้องไห้เป็นอย่างแรก จากนั้นอาจจะมีเสียงแปลกๆ อื่นๆ ตามมา รูปร่างของโปลอสจะเหมือนผู้หญิงเปลือยตัวเล็กๆ อาศัยอยู่ในขวด จากนั้นผู้เลี้ยงดูจะต้องกรีดเลือดของตัวเองหยดใส่ในขวดเพื่อเป็นอาหารแก่ปีศาจตนนี้ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีที่ปีศาจพร้อมจะรับใช้ผู้เป็นเจ้าของตนต่อไป ปีศาจโปลอสจะไม่ฟังคำสั่งใครนอกจากเจ้าของคนเดียว ส่วนใหญ่เจ้าของนั้นจะเป็นพ่อมดหมอผี ที่เลี้ยงดูโปลอสไว้ใช้ในทางมิชอบหรืองานผิดกฎหมาย อย่างเช่นการฆ่าคนเป็นต้น โปลอสจะทำร้ายทุกคนที่เจ้านายสั่งมา โดยจะทิ้งรอยแผลช้ำๆ ไว้บนร่างกายให้ดูต่างหน้า อาจถึงขั้นดูดเลือดออกจากปากของเหยื่อด้วย การเลี้ยงปีศาจโปลอสนี้เหมือนดาบสองคม ถ้าเลี้ยงดีก็ได้ประโยชน์ แต่หากพลั้งเผลอหรือละเลย ก็อาจทำให้ผู้เลี้ยงถึงตายได้เช่นกัน อาหารของโปลอสคือเลือด หากไม่ให้อาหารแก่มันตามกำหนด มันก็จะโกรธและเป็นอันตรายต่อเจ้าของและทุกคน วิธีป้องกันโปลอสทำร้ายให้ใช้เมล็ดพริกไทยผสมน้ำมันและกลีบกระเทียมสาดใส่โปลอส มันจะอ่อนแรงและหมดพลังในทันที
4. ผีปีนังกาลาน (Penanggalan) จากประเทศมาเลเซีย
ปีนังกาลานเป็นผีร้ายแห่งคาบสมุทรมาเลย์อันน่าสะพรึงกลัว ลักษณะของปีนังกาลานจะลอบไปมาโดยที่ไม่มีตัว มีแต่หัวกับลำไส้หรือไม่ก็มดลูกเพื่อหลแกหลอนผู้คนคล้ายๆ กับผีกระสือบ้านเรา ว่ากันว่าผีปีนังกาลานนี้เป็นผีที่ตายทั้งกลมจึงมีนิสัยดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก พร้อมจะเล่นงานเด็กๆ และผู้หญิงที่ตั้งท้องตลอดเวลา
มีเรื่องเกี่ยวกับผีปีนังกาลาน เรื่องหนึ่งเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่และลูก อยู่กินกันอย่างปกติสุขทั่วไป แต่ในคืนหนึ่งผู้เป็นพ่อได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน ฝ่ายแม่นั้นปิดประตูลงกลอนมิดชิดแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องกับลูกที่หลับไปแล้ว จากนั้นเธอก็หยิบขวดน้ำมันมนต์ที่ซ่อนไว้ออกมาเทน้ำมันมนต์นั้นทารอบคอตนเอง สักพักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกัน โดยมีตับไตไส้พุงติดออกมาด้วย หัวและไส้ของนางลอยออกไปทางหน้าต่างเพื่อออกไปหากิน ถ้าชาวบ้านสักคนบังเอิญมองมาก็จะเห็นเป็นแสงสีเหลืองวับแวมและอาจได้ยินเสียงคล้ายกับลมพัดตลอดเวลาที่หัวของปีนังกาลานแลยไป เสียงนั้นดังขึ้นเพื่อขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยเพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งกับพวงไส้ของหล่อนนั่นเอง ลูกตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ได้ตืนขึ้นมาและทันได้เห็นเหตุการณ์ลับของแม่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงหยิบเอาน้ำมันมนต์ของแม่มาทารอบคอของตัวเองบ้าง เพียงไม่นานในขณะที่หัวกำลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยหวาดกลัวจนขวัญเสียร้องโวยวายออกมา
"ช่วยด้วยหัวของฉันกำลังจะหลุดออกจากตัวแล้ว"
ชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าออกไปให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงโวยวายจึงเงียบลง หลังจากคืนนั้นครอบครัวประหลาดนี้ก็ย้ายหนีออกจากหมู่บ้านและไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย
5. ปีศาจทิกบาลัง (Tikbalang) จากประเทศฟิลิปปินส์
ทิกบาลังเป็นสัตว์ประหลาดของประเทศฟิลิปปินส์ มีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้า มีตาสีแดงคล้ายกับเซนทอร์ในตำนานกรีก แม้ทิกบาลังจะมีสี่ขาเหมือนเซนทอร์ แต่มันก็สามารถยืนสี่ขาได้เหมือนกับคน มันอาศัยอยู่ในป่าของฟิลิปปินส์และไม่ชอบให้ใครมาทำเสียงเอะอะมะเทิ่งในป่า หากมันไม่พอใจ มันจะใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้คนเหล่านั้นหลงป่า ทิกบาลังสามารถกลายร่างเป็นคนได้ ล่องหนก็ได้ มันทำทุกวิถีทางให้คนหลงทาง วิธีการป้องกันก็คือเมื่อเดินเข้าป่าไปก็ให้ตะโกนขออนุญาติทิกบาลังเหมือนกับที่ขออนุญาติเจ้าป่าเจ้าเขาของคนไทยเรา และเมื่อเข้าป่าก็ให้พยายามสำรวม อย่าทำเสียงเอะอะนั่นเอง
6. ปีศาจกาปรี (Kapre) จากประเทศฟิลิปปินส์
กาปรี เป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงตนหนึ่งของฟิลิปปินส์ ชอบนุ่งผ้าเตี่ยวเหมือนคนพื้นเมือง ไม่สวมเสื้อ ชอบอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เช่นต้นไทร กอไผ่ ต้นมะม่วง บ้างก็จะนั่งอยู่ตามต้นไม้ บ้างก็จะยืนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ บางคนเล่าว่ากาปรีจะสวมเข็มขัดด้วย ลักษณะของมันโดยรวมก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่ว่าตัวจะสูงมากประมาณ 3 เมตร ตามตัวมีขนสีน้ำตาล ไว้หนวดเครายาว ความแปลกของเจ้าปีศาจตัวนี้ก็คือ มันติดบุหรี่ ทุกครั้งที่มีคนพบเจอตัวมันก็จะเห็นว่ามันสูบบุหรี่หรือซิการ์อยู่เสมอ แม้หน้าตาจะดูดุร้ายน่ากลัว แต่มันกลับเป็นมิตรกับผู้คน แถมยังอยากมีความรักอีกด้วย ที่สำคัญเจ้ากาปรีเป็นปีศาจช่างเลือก มันจะเลือกคนที่มันรู้สึกชอบเท่านั้นที่จะมองเห็นตัวมันได้ บางครั้งเวลาที่มีคนหลงป่า กาปรีก็จะหาเรื่องออกมาพูดคุยด้วย แต่ก็มีบางคนเชื่อว่ามันเองนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้คนหลงป่า เหตุการณ์แปลกๆ ที่บอกให้รู้ว่ากาปรีอยู่ใกล้ๆ ก็คือจะมีเสียงดังกรอบแกรบเกิดขึ้นทั้งที่ไม่มีลมพัด หรืออาจจะได้ยินเสียงหัวเราะก้องออกมาจากต้นไม้ หรือมีควันของซิการ์ลอยออกมาจากต้นไม้ อย่างนี้เป็นต้น ความพิเศษของมันอีกอย่างคือ ในมือข้างที่ไม่ได้จับซิการ์ มันจะกำก้อนหินสีขาวขนาดเล็กประมาณเม็ดถั่วเอาไว้ เชื่อว่าถ้ามันให้หินนั้นแก่ใครแล้ว ผู้ที่ครอบครองหินนั้นจะโชคดีสมความปรารถนาทุกประการ
7. ปีศาจอัสวัง (Aswang) จากประเทศฟิลิปปินส์
ภูตปีศาจของฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงเรื่องความหลอนสุดๆ ก็คืออัสวัง ซึ่งในตอนกลางวันมันจะมีรูปร่างเป็นหญิงสาวธรรมดาๆ แต่พอตกกลางคืนพวกมันจะมีปีกงอกออกมา ความร้ายกาจของผีอัสวังนี้คือจะออกไล่ล่าสตรีมีครรภ์และทารกเป็นอาหาร โดยใช้ลิ้นที่ยาวเป็นท่อไปดูดเลือดของผู้เคราะห์ร้ายจนถึงแก่ความตาย อัสวังแบ่งแยกได้อีกเป็น 5 สายพันธุ์ นั่นก็คือ สายพันธุ์ที่หนึ่ง มานานังเกล มีรูปร่างเป็นผู้หญิง หน้าตาสะสวย มีปีกขนาดใหญ่ที่หลัง สามารถถอดลำตัวออกจากกันเป็นสองท่อนได่โดยไม่ตาย เวลาออกล่าเหยื่อก็จะบินออกไปได้มองดูเหมือนกับเหยี่ยวยักษ์ ว่ากันว่ามานานังเกลกลัวกระเทียมคล้ายกับแดร็กคูล่าของฝรั่ง ชาวบ้านเชื่อว่าถ้าเอาเกลือไปพรมตามที่อยู่ของมานานังเกลหรือพรมไปตามลำตัวท่อนบนของมันหรือบริเวณรอยต่อที่แยกตัวออกนั้น มันจะตายเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ส่วนที่เป็นอันตรายของมานานังเกลก็คือของเหลวที่พ่นใส่ปากหญิงตั้งครรภ์ซึ่งจะเข้าไปทำลายเด็กในท้องได้ นอกจากนี้มันยังชอบกินหัวใจเด็กและยังชอบกินลูกไก่ของชาวบ้านอีกด้วย
สายพันธุ์ที่สองมีชื่อว่า มันดูรูโก คือพวกที่เป็นหญิงงามและเอาความงามเข้าล่อเหยื่อที่เป็นชาย หลังจากได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้เคราะห์รายแล้ว มันดูรูโกก็จะใช้ร่างของสามีเป็นแหล่งอาหารทันที ซึ่งวิธีการก็คือจะแอบดูดเลือดจากซอกคอของสามีทุกวัน จนกว่าเลือดจะหมดตัวและแห้งตายไป มันจึงจะออกไปหาเหยื่อรายใหม่ สายพันธุ์ที่สามมีชื่อว่ามันกูกูรัม คือพวกที่เป็นแม่มดที่ใช้ตุ๊กตาสาปแช่งเพื่อเสกแมลง เสกก้างปลา หรือเสกเศษแก้วเข้าตัวคนจนถึงแก่ความตาย ส่วนอีกสองสายพันธุ์นั่นคือ พวกกินซากศพ กับพวกที่สามารถแปลงร่างได้ ซึ่งมันจะแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่มันเห็นขณะออกล่าเหยื่อ
8. ผีหญิงชุดขาวกลางถนน จากประเทศฟิลิปปินส์
ผีตนนี้อาละวาดอยู่ที่ถนนสายหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเรื่องเล่าว่าบริเวณที่เป็นถนนสายนี้ ในอดีตมีหญิงสาวคนหนึ่งถูกข่มขืนและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ศพที่พบในภายหลังนั้น ส่วนที่เป็นใบหน้าได้หายไป นับตั้งแต่นั้นมาวิญญาณของเธอก็จะปรากฏตัวอยู่ในรูปของผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ผมดำยาวแต่ไร้หน้า และยืนเลือดท่วมอยู่กลางถนนตอนกลางคืน คอยดักเหยื่อที่ขับรถผ่านไปมาอยู่ในเส้นทางนี้เสมอ มีคำแนะนำว่าถ้าผู้ขับขี่จำเป็นต้องขับรถผ่านเส้นทางนี้ในยามวิกาลก็จงอย่ามองกระจกหลัง ไม่อย่างนั้นผู้หญิงชุดขาวกลางถนนจะเข้ามาในรถในสภาพเลือดท่วมตัว มีชาวบ้านหลายรายถูกผีผู้หญิงตนนี้หลอกจนจับไข้หัวโกร๋นกันมาแล้ว มีเรื่องเล่าอีกว่า ชายหนุ่มสองคนขับรถไปทำธุระโดยที่ต้องผ่านถนนเส้นนั้นเป็นเวลาสามทุ่มเศษ พอถึงจุดเกิดเหตุทั้งคู่ก็เห็นหญิงสาวชุดขาวออกมายืนขวางอยู่กลางถนน ทำท่าเหมือนจะขอความช่วยเหลือ จนคนขับรถต้องเหยียบเบรกตัวโก่ง พวกเขาไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนสวย เพราะหญิงสาวไว้ผมยาวดำขลับ รูปร่างดี เมื่อพวกเขาขับรถเข้าไปใกล้ๆ หวังจะให้ความช่วยเหลือ ก็เห็นเธอยื่นมือขาวซีดออกมา ทำท่าจะแตะประตูรถ ชาวหนุ่มทั้งสองก็มองไปที่ใบหน้าของเธอ แต่ก็พบว่าใบหน้านั้นขาวโพลนและว่างเปล่า ไม่มีตา จมูก ปาก ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าว่า ได้ยินเสียงหัวเราะเล็กแหลมที่ฟังดูคล้ายเสียงร้องไห้ของผู้หญิง เมื่อพวกเขารู้ว่าถูกผีหลอกแล้ว คนขับก็รีบออกรถและขับหนีอย่างไม่คิดชีวิตและไม่กล้าผ่านไปในเส้นทางนั้นอีกเลย
9. ผีกองกอย จากประเทศลาว
ประเทศลาวเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องของไทย ที่มีอะไรหลายอย่างคล้ายคลึงกัน เรื่องราวของภูติผีปีศาจก็เป็นอีกเรื่องที่คล้ายกัน โดยกองกอยเป็นผีป่าชนิดหนึ่งมีปากเป็นท่อคล้ายกับแมลงวัน ลักษณะรูปร่างเป็นผีที่มีขาข้างเดียว เวลาไปไหนมาไหนจะใช้วิธีกระโดดไปด้วยขาข้างเดียวนั้น พร้อมส่งเสียงร้องว่า กองกอย กองกอย ไปตลอดทางเป็นที่มาของชื่อกองกอยนั่นเอง หน้าตาของผีกองกอยจะคล้ายลิงหรือค่าง ดังนั้นบางคนจึงเรียกผีกองกอยว่า ผีโป่ง หรือ ผีโป่งค่าง คนเดินป่าเชื่อกันว่าผีกองกอยจะแอบเข้ามาดูดเลือดคนที่เดินป่าตอนที่นอนหลับทุกครั้งที่มีโอกาส จึงมีวิธีแก้เคล็ดป้องกันคือ ให้นอนไขว้หรือนอนให้เท้าชิดกันไว้ทั้งสองข้าง ผีกองกอยจะไม่เข้ามายุ่ง และอย่านอนให้เท้าเลยออกมานอกเต๊นท์นอนเด็ดขาด
10. ผีปอบ จากประเทศลาว
ในประเทศลาวก็มีความเชื่อเรื่องผีปอบเหมือนกับประเทศไทย โดยเชื่อกันว่าผีปอบเกิดจากผู้ที่ร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจเวทมนต์คาถาไปทำร้ายผู้อื่นได้ แต่วิชาอาคมเหล่านี้ก็มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ซึ่งห้ามละเมิดโดยเด็ดขาด หากกระทำผิดข้อห้ามจะเกิดการผิดครู วิญญาณของบรมครูจะลงโทษหรือสาปแช่งให้กลายเป็นปอบ หรืออีกประการหนึ่งก็เกิดจากคนเล่นคาถาอาคม ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ทำให้ของวิชาอาคมต่างๆ เข้าตัวกลายเป็นผีปอบในที่สุด
ผีปอบยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทเช่น ปอบธรรมดา คือคนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง เมื่อคนๆ นี้ตายไป ปอบที่สิงอยู่ก็จะตายตามไปด้วย ประเภทต่อมาก็คือปอบเชื้อ หมายถึง ครอบครัวใดที่พ่อแม่เป็นปอบ เมื่อพ่อแม่ตายไป ลูกหลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบต่อไปเหมือนเป็นกรรมพันธุ์ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามก็ต้องเป็นผีปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ ต่อมาคือปอบแลกหน้า หมายถึง ผีปอบที่เจ้าเล่ห์ ชอบเอาความผิดไปโยนให้คนอื่น เวลาที่เข้าสิงใคร เมื่อสอบถามว่าผู้ใดเป็นคนเลี้ยง ปอบจะไม่บอกความจริงแต่จะไปกล่าวโทษว่าคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกพาดพิงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย ประเภทสุดท้ายเรียกว่า ปอบกักกึก ซึ่ง กึก ในภาษาอีสานแปลว่า ใบ้ เมื่อมีคนถามปอบจะไม่ยอมพูดอะไรจนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใคร มีใครใช้ให้มาเข้าสิง
ผู้ที่ถูกปอบสิงจะมีอาการแตกต่างกันออกไป บางคนจะแสดงกิริยาอาการดุร้าย บางคนจะนอนซมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะมีท่าทีอาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุกๆ ดิบๆ พวกตับหมู ตับไก่ เครื่องใน เลือดสดๆ มาให้กิน เวลากินก็จะแสดงอาการตะกละตะกลาม มูมมาม และกินได้มากผิดปกติ เมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าผู้ป่วยถูกปอบเข้าสิงก็จะไปตามหมอผีหรือหมอธรรมให้มาไล่ปอบออกไป
ที่มา Bearry Channel Yotube
1. เจ็งล็อต (Jenglot) จากประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศบ้านเกิดของเจ็งล็อตก็คืออินโดนีเซีย มันเป็นลูกครึ่งระหว่างมัมมี่กับแวมไพร์ มีขนาดเล็กกะจิ๋วหลิวประมาณ 6 นิ้วเท่านั้นเอง เกิดขึ้นมาจากฤาษีที่บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นมุ่งสู่ความเป็นอมตะ อุทิศตนนับถือปีศาจจนได้พลังอำนาจมาและกลายเป็นเจ็งล็อต คนที่เลี้ยงเจ็งล็อตจะต้องให้เลือดกับมันด้วย จะเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์ก็ได้ การให้เลือดนั้นก็ทำโดยการฉีดเลือดเข้าไปในตัวมันทุกเดือนๆ ละ 1 ซีซี แต่บางคนก็เพียงแค่เทเลือดใส่ถ้วย วางเอาไว้ข้างๆ เจ็งล็อต แล้วมันจะแอบกินเองตามลำพังตอนที่ไม่มีใครเห็น เจ็งล็อตเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอินโดนีเซีย ขนาดว่ามีการจัดงานโชว์เจ็งล็อตกันที่กรุงจาร์การ์ต้า เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย เชื่อกันว่าเจ็งล็อตบางตัวมีอายุถึง 6,000 ปีกันเลยทีเดียว
2. กุนตีลานัก (Kuntilanuk) จากประเทศอินโดนีเซีย
ผีกุนตีลานัก จะคล้ายกับผีแม่นาครวมกับผีนางตานีของบ้านเรานั่นเอง เกิดจากสาวสวยที่ตายระหว่างตั้งครรภ์หรืออุ้มท้องหรือที่เรียกว่าตายทั้งกลมนั่นเอง กุนตีลานักจะอาศัยอยู่ในต้นกล้วยเหมือนกับผีนางตานี เธอจะอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาว ผมยาวปิดหน้าปิดตา ผิวสีขาวซีด และอุ้มท้องอยู่ เมื่อไหร่ที่มีเสียงร้องไห้เบาๆ หรือเสียงสุนัขครางหงิงๆ แสดงว่าผีกุนตีลานักเริ่มเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว แต่ถ้าได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้เสียงดังหรือสุนัขหอนแสดงว่าผีกุนตีลานักเริ่มเข้ามาในอาณาเขตละแวกบ้านของเราแล้ว และสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวก็คือ ผีกุนตีลานักนั้นชื่นชอบการควักลำไส้เป็นที่สุด ด้วยความที่เธอมีเล็บยาวที่แหลมคม ถ้าใครโชคร้ายบังเอิญไปสบจากับผีรายนี้ก็จะโดนควักลูกตาออกไปกิน แถมยังโดนดูดสมองออกไปด้วย ยิ่งถ้าเหยื่อเป็นผู้ชายจะแถมด้วยการทำร้ายอวัยวะเพศอย่างโหดร้ายเข้าไปอีก บางความเชื่อเล่าว่า กุนตีลานักจะเลือกเหยื่อของเธอจากกลิ่นเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ ชาวอินโดนีเซียจึงมักจะไม่ยอมตากเสื้อเอาไว้นอกบ้านในเวลากลางค่ำกลางคืนโดยเด็ดขาด โดยปกติผีตัวนี้มักจะชอบยืนรอเหยื่อเข้ามาติดกับเองมากกว่า ถ้าเราได้ยินเสียงเด็กร้องไห้แถวๆ ต้นกล้วยก็ยังพอมีโอกาสหนีไปให้ไกลจากบริเวณนั้น
3. โปลอส จากประเทศมาเลเซีย
โปลอสจะคล้ายๆ กับรักยมของประเทศไทย เกิดจากเลือดของคนที่ถูกฆ่าตาย โดยการเอาเลือดของคนดังกล่าวไปเก็บไว้ในขวดแล้วทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ วิญญาณผู้ตายจะถูกเรียกออกมาและถูกสะกดไว้ในขวดนั้น หลังจากนั้นสองสัปดาห์จะเริ่มได้ยินเสียงออกมาจากขวด เริ่มต้นจากเสียงร้องไห้เป็นอย่างแรก จากนั้นอาจจะมีเสียงแปลกๆ อื่นๆ ตามมา รูปร่างของโปลอสจะเหมือนผู้หญิงเปลือยตัวเล็กๆ อาศัยอยู่ในขวด จากนั้นผู้เลี้ยงดูจะต้องกรีดเลือดของตัวเองหยดใส่ในขวดเพื่อเป็นอาหารแก่ปีศาจตนนี้ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีที่ปีศาจพร้อมจะรับใช้ผู้เป็นเจ้าของตนต่อไป ปีศาจโปลอสจะไม่ฟังคำสั่งใครนอกจากเจ้าของคนเดียว ส่วนใหญ่เจ้าของนั้นจะเป็นพ่อมดหมอผี ที่เลี้ยงดูโปลอสไว้ใช้ในทางมิชอบหรืองานผิดกฎหมาย อย่างเช่นการฆ่าคนเป็นต้น โปลอสจะทำร้ายทุกคนที่เจ้านายสั่งมา โดยจะทิ้งรอยแผลช้ำๆ ไว้บนร่างกายให้ดูต่างหน้า อาจถึงขั้นดูดเลือดออกจากปากของเหยื่อด้วย การเลี้ยงปีศาจโปลอสนี้เหมือนดาบสองคม ถ้าเลี้ยงดีก็ได้ประโยชน์ แต่หากพลั้งเผลอหรือละเลย ก็อาจทำให้ผู้เลี้ยงถึงตายได้เช่นกัน อาหารของโปลอสคือเลือด หากไม่ให้อาหารแก่มันตามกำหนด มันก็จะโกรธและเป็นอันตรายต่อเจ้าของและทุกคน วิธีป้องกันโปลอสทำร้ายให้ใช้เมล็ดพริกไทยผสมน้ำมันและกลีบกระเทียมสาดใส่โปลอส มันจะอ่อนแรงและหมดพลังในทันที
4. ผีปีนังกาลาน (Penanggalan) จากประเทศมาเลเซีย
ปีนังกาลานเป็นผีร้ายแห่งคาบสมุทรมาเลย์อันน่าสะพรึงกลัว ลักษณะของปีนังกาลานจะลอบไปมาโดยที่ไม่มีตัว มีแต่หัวกับลำไส้หรือไม่ก็มดลูกเพื่อหลแกหลอนผู้คนคล้ายๆ กับผีกระสือบ้านเรา ว่ากันว่าผีปีนังกาลานนี้เป็นผีที่ตายทั้งกลมจึงมีนิสัยดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก พร้อมจะเล่นงานเด็กๆ และผู้หญิงที่ตั้งท้องตลอดเวลา
มีเรื่องเกี่ยวกับผีปีนังกาลาน เรื่องหนึ่งเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่และลูก อยู่กินกันอย่างปกติสุขทั่วไป แต่ในคืนหนึ่งผู้เป็นพ่อได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน ฝ่ายแม่นั้นปิดประตูลงกลอนมิดชิดแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องกับลูกที่หลับไปแล้ว จากนั้นเธอก็หยิบขวดน้ำมันมนต์ที่ซ่อนไว้ออกมาเทน้ำมันมนต์นั้นทารอบคอตนเอง สักพักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกัน โดยมีตับไตไส้พุงติดออกมาด้วย หัวและไส้ของนางลอยออกไปทางหน้าต่างเพื่อออกไปหากิน ถ้าชาวบ้านสักคนบังเอิญมองมาก็จะเห็นเป็นแสงสีเหลืองวับแวมและอาจได้ยินเสียงคล้ายกับลมพัดตลอดเวลาที่หัวของปีนังกาลานแลยไป เสียงนั้นดังขึ้นเพื่อขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยเพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งกับพวงไส้ของหล่อนนั่นเอง ลูกตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ได้ตืนขึ้นมาและทันได้เห็นเหตุการณ์ลับของแม่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงหยิบเอาน้ำมันมนต์ของแม่มาทารอบคอของตัวเองบ้าง เพียงไม่นานในขณะที่หัวกำลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยหวาดกลัวจนขวัญเสียร้องโวยวายออกมา
"ช่วยด้วยหัวของฉันกำลังจะหลุดออกจากตัวแล้ว"
ชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าออกไปให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงโวยวายจึงเงียบลง หลังจากคืนนั้นครอบครัวประหลาดนี้ก็ย้ายหนีออกจากหมู่บ้านและไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย
5. ปีศาจทิกบาลัง (Tikbalang) จากประเทศฟิลิปปินส์
ทิกบาลังเป็นสัตว์ประหลาดของประเทศฟิลิปปินส์ มีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้า มีตาสีแดงคล้ายกับเซนทอร์ในตำนานกรีก แม้ทิกบาลังจะมีสี่ขาเหมือนเซนทอร์ แต่มันก็สามารถยืนสี่ขาได้เหมือนกับคน มันอาศัยอยู่ในป่าของฟิลิปปินส์และไม่ชอบให้ใครมาทำเสียงเอะอะมะเทิ่งในป่า หากมันไม่พอใจ มันจะใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้คนเหล่านั้นหลงป่า ทิกบาลังสามารถกลายร่างเป็นคนได้ ล่องหนก็ได้ มันทำทุกวิถีทางให้คนหลงทาง วิธีการป้องกันก็คือเมื่อเดินเข้าป่าไปก็ให้ตะโกนขออนุญาติทิกบาลังเหมือนกับที่ขออนุญาติเจ้าป่าเจ้าเขาของคนไทยเรา และเมื่อเข้าป่าก็ให้พยายามสำรวม อย่าทำเสียงเอะอะนั่นเอง
6. ปีศาจกาปรี (Kapre) จากประเทศฟิลิปปินส์
กาปรี เป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงตนหนึ่งของฟิลิปปินส์ ชอบนุ่งผ้าเตี่ยวเหมือนคนพื้นเมือง ไม่สวมเสื้อ ชอบอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เช่นต้นไทร กอไผ่ ต้นมะม่วง บ้างก็จะนั่งอยู่ตามต้นไม้ บ้างก็จะยืนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ บางคนเล่าว่ากาปรีจะสวมเข็มขัดด้วย ลักษณะของมันโดยรวมก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่ว่าตัวจะสูงมากประมาณ 3 เมตร ตามตัวมีขนสีน้ำตาล ไว้หนวดเครายาว ความแปลกของเจ้าปีศาจตัวนี้ก็คือ มันติดบุหรี่ ทุกครั้งที่มีคนพบเจอตัวมันก็จะเห็นว่ามันสูบบุหรี่หรือซิการ์อยู่เสมอ แม้หน้าตาจะดูดุร้ายน่ากลัว แต่มันกลับเป็นมิตรกับผู้คน แถมยังอยากมีความรักอีกด้วย ที่สำคัญเจ้ากาปรีเป็นปีศาจช่างเลือก มันจะเลือกคนที่มันรู้สึกชอบเท่านั้นที่จะมองเห็นตัวมันได้ บางครั้งเวลาที่มีคนหลงป่า กาปรีก็จะหาเรื่องออกมาพูดคุยด้วย แต่ก็มีบางคนเชื่อว่ามันเองนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้คนหลงป่า เหตุการณ์แปลกๆ ที่บอกให้รู้ว่ากาปรีอยู่ใกล้ๆ ก็คือจะมีเสียงดังกรอบแกรบเกิดขึ้นทั้งที่ไม่มีลมพัด หรืออาจจะได้ยินเสียงหัวเราะก้องออกมาจากต้นไม้ หรือมีควันของซิการ์ลอยออกมาจากต้นไม้ อย่างนี้เป็นต้น ความพิเศษของมันอีกอย่างคือ ในมือข้างที่ไม่ได้จับซิการ์ มันจะกำก้อนหินสีขาวขนาดเล็กประมาณเม็ดถั่วเอาไว้ เชื่อว่าถ้ามันให้หินนั้นแก่ใครแล้ว ผู้ที่ครอบครองหินนั้นจะโชคดีสมความปรารถนาทุกประการ
7. ปีศาจอัสวัง (Aswang) จากประเทศฟิลิปปินส์
ภูตปีศาจของฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงเรื่องความหลอนสุดๆ ก็คืออัสวัง ซึ่งในตอนกลางวันมันจะมีรูปร่างเป็นหญิงสาวธรรมดาๆ แต่พอตกกลางคืนพวกมันจะมีปีกงอกออกมา ความร้ายกาจของผีอัสวังนี้คือจะออกไล่ล่าสตรีมีครรภ์และทารกเป็นอาหาร โดยใช้ลิ้นที่ยาวเป็นท่อไปดูดเลือดของผู้เคราะห์ร้ายจนถึงแก่ความตาย อัสวังแบ่งแยกได้อีกเป็น 5 สายพันธุ์ นั่นก็คือ สายพันธุ์ที่หนึ่ง มานานังเกล มีรูปร่างเป็นผู้หญิง หน้าตาสะสวย มีปีกขนาดใหญ่ที่หลัง สามารถถอดลำตัวออกจากกันเป็นสองท่อนได่โดยไม่ตาย เวลาออกล่าเหยื่อก็จะบินออกไปได้มองดูเหมือนกับเหยี่ยวยักษ์ ว่ากันว่ามานานังเกลกลัวกระเทียมคล้ายกับแดร็กคูล่าของฝรั่ง ชาวบ้านเชื่อว่าถ้าเอาเกลือไปพรมตามที่อยู่ของมานานังเกลหรือพรมไปตามลำตัวท่อนบนของมันหรือบริเวณรอยต่อที่แยกตัวออกนั้น มันจะตายเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ส่วนที่เป็นอันตรายของมานานังเกลก็คือของเหลวที่พ่นใส่ปากหญิงตั้งครรภ์ซึ่งจะเข้าไปทำลายเด็กในท้องได้ นอกจากนี้มันยังชอบกินหัวใจเด็กและยังชอบกินลูกไก่ของชาวบ้านอีกด้วย
สายพันธุ์ที่สองมีชื่อว่า มันดูรูโก คือพวกที่เป็นหญิงงามและเอาความงามเข้าล่อเหยื่อที่เป็นชาย หลังจากได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้เคราะห์รายแล้ว มันดูรูโกก็จะใช้ร่างของสามีเป็นแหล่งอาหารทันที ซึ่งวิธีการก็คือจะแอบดูดเลือดจากซอกคอของสามีทุกวัน จนกว่าเลือดจะหมดตัวและแห้งตายไป มันจึงจะออกไปหาเหยื่อรายใหม่ สายพันธุ์ที่สามมีชื่อว่ามันกูกูรัม คือพวกที่เป็นแม่มดที่ใช้ตุ๊กตาสาปแช่งเพื่อเสกแมลง เสกก้างปลา หรือเสกเศษแก้วเข้าตัวคนจนถึงแก่ความตาย ส่วนอีกสองสายพันธุ์นั่นคือ พวกกินซากศพ กับพวกที่สามารถแปลงร่างได้ ซึ่งมันจะแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่มันเห็นขณะออกล่าเหยื่อ
8. ผีหญิงชุดขาวกลางถนน จากประเทศฟิลิปปินส์
ผีตนนี้อาละวาดอยู่ที่ถนนสายหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเรื่องเล่าว่าบริเวณที่เป็นถนนสายนี้ ในอดีตมีหญิงสาวคนหนึ่งถูกข่มขืนและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ศพที่พบในภายหลังนั้น ส่วนที่เป็นใบหน้าได้หายไป นับตั้งแต่นั้นมาวิญญาณของเธอก็จะปรากฏตัวอยู่ในรูปของผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ผมดำยาวแต่ไร้หน้า และยืนเลือดท่วมอยู่กลางถนนตอนกลางคืน คอยดักเหยื่อที่ขับรถผ่านไปมาอยู่ในเส้นทางนี้เสมอ มีคำแนะนำว่าถ้าผู้ขับขี่จำเป็นต้องขับรถผ่านเส้นทางนี้ในยามวิกาลก็จงอย่ามองกระจกหลัง ไม่อย่างนั้นผู้หญิงชุดขาวกลางถนนจะเข้ามาในรถในสภาพเลือดท่วมตัว มีชาวบ้านหลายรายถูกผีผู้หญิงตนนี้หลอกจนจับไข้หัวโกร๋นกันมาแล้ว มีเรื่องเล่าอีกว่า ชายหนุ่มสองคนขับรถไปทำธุระโดยที่ต้องผ่านถนนเส้นนั้นเป็นเวลาสามทุ่มเศษ พอถึงจุดเกิดเหตุทั้งคู่ก็เห็นหญิงสาวชุดขาวออกมายืนขวางอยู่กลางถนน ทำท่าเหมือนจะขอความช่วยเหลือ จนคนขับรถต้องเหยียบเบรกตัวโก่ง พวกเขาไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนสวย เพราะหญิงสาวไว้ผมยาวดำขลับ รูปร่างดี เมื่อพวกเขาขับรถเข้าไปใกล้ๆ หวังจะให้ความช่วยเหลือ ก็เห็นเธอยื่นมือขาวซีดออกมา ทำท่าจะแตะประตูรถ ชาวหนุ่มทั้งสองก็มองไปที่ใบหน้าของเธอ แต่ก็พบว่าใบหน้านั้นขาวโพลนและว่างเปล่า ไม่มีตา จมูก ปาก ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าว่า ได้ยินเสียงหัวเราะเล็กแหลมที่ฟังดูคล้ายเสียงร้องไห้ของผู้หญิง เมื่อพวกเขารู้ว่าถูกผีหลอกแล้ว คนขับก็รีบออกรถและขับหนีอย่างไม่คิดชีวิตและไม่กล้าผ่านไปในเส้นทางนั้นอีกเลย
9. ผีกองกอย จากประเทศลาว
ประเทศลาวเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องของไทย ที่มีอะไรหลายอย่างคล้ายคลึงกัน เรื่องราวของภูติผีปีศาจก็เป็นอีกเรื่องที่คล้ายกัน โดยกองกอยเป็นผีป่าชนิดหนึ่งมีปากเป็นท่อคล้ายกับแมลงวัน ลักษณะรูปร่างเป็นผีที่มีขาข้างเดียว เวลาไปไหนมาไหนจะใช้วิธีกระโดดไปด้วยขาข้างเดียวนั้น พร้อมส่งเสียงร้องว่า กองกอย กองกอย ไปตลอดทางเป็นที่มาของชื่อกองกอยนั่นเอง หน้าตาของผีกองกอยจะคล้ายลิงหรือค่าง ดังนั้นบางคนจึงเรียกผีกองกอยว่า ผีโป่ง หรือ ผีโป่งค่าง คนเดินป่าเชื่อกันว่าผีกองกอยจะแอบเข้ามาดูดเลือดคนที่เดินป่าตอนที่นอนหลับทุกครั้งที่มีโอกาส จึงมีวิธีแก้เคล็ดป้องกันคือ ให้นอนไขว้หรือนอนให้เท้าชิดกันไว้ทั้งสองข้าง ผีกองกอยจะไม่เข้ามายุ่ง และอย่านอนให้เท้าเลยออกมานอกเต๊นท์นอนเด็ดขาด
10. ผีปอบ จากประเทศลาว
ในประเทศลาวก็มีความเชื่อเรื่องผีปอบเหมือนกับประเทศไทย โดยเชื่อกันว่าผีปอบเกิดจากผู้ที่ร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจเวทมนต์คาถาไปทำร้ายผู้อื่นได้ แต่วิชาอาคมเหล่านี้ก็มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ซึ่งห้ามละเมิดโดยเด็ดขาด หากกระทำผิดข้อห้ามจะเกิดการผิดครู วิญญาณของบรมครูจะลงโทษหรือสาปแช่งให้กลายเป็นปอบ หรืออีกประการหนึ่งก็เกิดจากคนเล่นคาถาอาคม ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ทำให้ของวิชาอาคมต่างๆ เข้าตัวกลายเป็นผีปอบในที่สุด
ผีปอบยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทเช่น ปอบธรรมดา คือคนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง เมื่อคนๆ นี้ตายไป ปอบที่สิงอยู่ก็จะตายตามไปด้วย ประเภทต่อมาก็คือปอบเชื้อ หมายถึง ครอบครัวใดที่พ่อแม่เป็นปอบ เมื่อพ่อแม่ตายไป ลูกหลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบต่อไปเหมือนเป็นกรรมพันธุ์ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามก็ต้องเป็นผีปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ ต่อมาคือปอบแลกหน้า หมายถึง ผีปอบที่เจ้าเล่ห์ ชอบเอาความผิดไปโยนให้คนอื่น เวลาที่เข้าสิงใคร เมื่อสอบถามว่าผู้ใดเป็นคนเลี้ยง ปอบจะไม่บอกความจริงแต่จะไปกล่าวโทษว่าคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกพาดพิงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย ประเภทสุดท้ายเรียกว่า ปอบกักกึก ซึ่ง กึก ในภาษาอีสานแปลว่า ใบ้ เมื่อมีคนถามปอบจะไม่ยอมพูดอะไรจนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใคร มีใครใช้ให้มาเข้าสิง
ผู้ที่ถูกปอบสิงจะมีอาการแตกต่างกันออกไป บางคนจะแสดงกิริยาอาการดุร้าย บางคนจะนอนซมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะมีท่าทีอาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุกๆ ดิบๆ พวกตับหมู ตับไก่ เครื่องใน เลือดสดๆ มาให้กิน เวลากินก็จะแสดงอาการตะกละตะกลาม มูมมาม และกินได้มากผิดปกติ เมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าผู้ป่วยถูกปอบเข้าสิงก็จะไปตามหมอผีหรือหมอธรรมให้มาไล่ปอบออกไป
ที่มา Bearry Channel Yotube
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)